จากการนำเสนอตอนที่ 5 ไปแล้ว ไอหมอกก็เริ่มอดใจไม่ไหว ขอนำเสนอตอนที่ 6 ต่อเลยนะคะ แบบว่าตามประสาวัยรุ่นใจร้อน และค่อนข้างชื่นชอบวิธีการบริหารงานของท่านกัปตัน D.Michael Abrashoff มากไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่สิ่งที่ไอหมอกคิดอยู่เสมอว่า การที่ผู้นำจะนั่งในใจลูกน้องได้อย่างยั่งยืนนั้น ต้องเข้าใจความเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด เชื่อว่าหลายๆท่านคงเห็นไม่ต่างกับไอหมอกว่า ความสุขที่แท้จริง คือการกลับสู่ความเป็นธรรมชาติที่เราเคยได้รับมา ความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการดำเนินชีวิต เกิดจากความสุขที่มีมูลค่าทางการเงินที่ต่ำที่สุด อืมมม ประเด็นนี้ไม่รู้ว่าเข้ามาเกี่ยวกับตอนที่ 6 ยังไง แต่ไม่เป็นไรมันเป็นแค่ความคิดเห็นที่อยากสื่อสารไปเท่านั้นค่ะ แหะๆ ^^ เอาเป็นว่า ไปศึกษาหลักการข้อต่อไปกันเลยดีกว่าค่ะ ก่อนที่ไอหมอกจะพาทุกท่านออกนอกเรื่องไปมากกว่านี้ :))
** กัปตันที่ดีมอบหมายความรับผิดชอบ แทนที่จะเป็นคำสั่ง **
บริษัททั่วๆไป จะมุ่งกับเรื่องที่พนักงานลาออก และในเรือก็เช่นกัน นอกเหนือจากสาเหตุอื่นๆ แล้วจะมีการโยกย้ายลูกเรือประมาณ 35% ทุกๆปี ซึ่งแปลว่าผมต้องเป็นผู้ชำนาญการในการสร้างลูกเรือขึ้นมาทดแทนหลังจากที่ผมจัดการกับเรื่องอาหารในเรือแล้ว สิ่งที่ผมให้ความสำคัญต่อไปก็คือ การพัฒนา การฝึกฝนลูกเรือ พวกเขาถูกสถานการณ์บังคับให้ตัดสินใจเรื่องความเป็นความตายอยู่บ่อยๆ
นอกจากฝึกฝนคนใหม่ๆแล้ว ผมยังต้องเตรียมลูกเรือที่มีอาวุโสกว่าให้เป็นผู้นำด้วย ถ้าหากคุณเคยชินอยู่กับการออกคำสั่ง คุณก็จะได้แต่ผู้ที่เคยชินกับการรับคำสั่ง เราอยากได้คนที่ตัดสินใจได้ดี ไม่ใช่แค่ทำตามคู่มือลูกเดียว ซึ่งแปลว่าเราต้องเปิดโอกาสให้คนได้เรียนรู้ เราเอาเวลาที่เราประหยัดได้จากการเลิกทำสิ่งที่ไม่มีความสำคัญ เช่น การขัดสนิมเรือ การทาสี การทำความสะอาด มาใช้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในศูนย์บัญชาการรบ และฝึกอบรมระบบคอมพิวเตอร์ของเรา
และเรามุ่งเน้นกับการพัฒนาผลงานมากกว่ารูปแบบ เราจึงสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ในทุกสถานการณ์ เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น เราจะไม่เป็นห่วงจนเกินไปว่ามันจะทำให้เราเสียหน้า ผมไม่ห่วงในเรื่องการเลื่อนขั้น ผมจึงสามารถปล่อยให้ลูกเรือใช้เวลาในการเรียนรู้การแก้ไขปัญหาได้โดยไม่สนใจว่าจะมีนายพลบางคนมาเจอปัญหาที่มีเข้าหรือไม่
ขอบคุณความรู้และแนวคิดที่ดีจาก .. PacRim Group และเครือธนาคารทหารไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น