วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

20 ข้อ ที่ควรรู้และปฏิบัติก่อนอายุ 40


       1. ไม่ต้องตั้งใจเรียนมากไป เอาแค่พอใช้ได้ก็พอ เพราะ โลกแห่งความเป็นจริงวัดกันที่ผลงาน ไม่ใช่ที่เกรด
       2. การทำกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยนั้นสำคัญมาก พอๆ กับการคร่ำเคร่งหน้าตำราเรียน
       3. เลือกงานที่เราชอบนั้นใช่ แต่อย่าลืมด้วยว่า อาชีพนั้นสามารถเลี้ยงดูตัวเราได้จริงหรือเปล่า? ถ้าไม่ใช่ก็อย่าหลอกตัวเอง
       4. เมื่อถึงวัยทำงาน ใครเก็บเงินก่อน รวยเร็วกว่าและสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ คือ ชีวิตที่ไม่มีหนี้ คือชีวิตที่ประเสริฐที่สุด
       5. หาเป้าหมายในชีวิตให้เจอโดยเร็วที่สุด เพราะมันจะเป็นเครื่องนำทางของคุณในชาตินี้ตลอดไป
       6. ซื้อบ้านก่อน ที่จะซื้อรถ เพราะบ้านมีแต่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น แต่รถมีแต่มูลค่าลดลง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า รถ=ลด
       7. ดอกเบี้ยบ้านนั้นมหาโหดมาก รีบใช้ให้หมดโดยเร็วพลัน ก่อนที่จะแก่ แล้วผ่อนไม่ไหว
       8. การเก็บเงินเป็นแค่บันไดขั้นแรกสู่ความร่ำรวย แต่ขั้นต่อมา คือ ต้องรู้จักลงทุน
       9. อย่าเป็นศัตรูกับใครก็ตามบนโลกใบนี้ เพราะคุณจะไม่มีทางรู้ว่าวันหนึ่งเขาอาจจะยิ่งใหญ่มาก จนกลับมาทำร้ายคุณก็เป็นได้
       10. คอนเน็คชั่นหรือสายสัมพันธ์เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ต่อให้เก่งแค่ไหนก็สู้การมีเพื่อนเยอะไม่ได้
       11. ควรมีงานทำมากกว่า 1 งาน เพราะความมั่นคง ไม่เคยมีบนโลกใบนี้
       12. อย่าคิดว่าตัวเองทำอะไรได้แค่อย่างเดียว เพราะความสามารถของคนเรา มีมากกว่า 1 เสมอ
       13. เมื่อมีโอกาสใดก็ตามเข้ามา จงอย่าปฏิเสธ ถึงจะล้มเหลว แต่มันก็คือ ประสบการณ์
       14. สร้างเนื้อ สร้างตัวให้ได้เร็วที่สุด ในขณะที่คุณยังมีกำลัง ยังเป็นหนุ่ม-สาว เพราะการฝ่าฟันอุปสรรคในช่วงอายุมาก ไม่ใช่เรื่องสนุก
       15. ออกเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่ยังหนุ่มสาว เพราะเมื่อมีครอบครัวการเดินทางจะเป็นเรื่องยุ่งยากกว่าเดิม
       16. เลือกคู่ชีวิต จงคิดให้ดีๆ อย่าดูแต่ข้อดีของเขา แต่ต้องดูด้วยว่าเราสามารถรับข้อเสียของเขาได้มากแค่ไหน
       17. การมีแฟน หรือสามีภรรยา ยังเลิกกันได้ แต่ความเป็นพ่อแม่ลูกนั้นเลิกกันไม่ได้ เพราะฉะนั้น ควรดูแลพวกเขาให้ดีๆ
       18. ความสำเร็จที่มากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถทดแทนความล้มเหลวของครอบครัวได้
       19. ลองหาเวลาอยู่ว่างๆ ไม่ต้องทำอะไรเลยดูบ้าง อย่าแบกโลกทั้งใบไว้คนเดียว และอีกอย่างงานก็ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต
       20. สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญอันหนึ่ง โปรดถนอมตัวเองให้มาก เมื่อยังเป็นวัยรุ่น อย่าใช้ชีวิตให้หนักเกินไป

ที่มา: CreativeGuru Facebook

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เลื่อนตัวเองขึ้น แต่อย่าลดคนอื่นลง

       อาจารย์คนหนึ่งชวนลูกศิษย์เดินไปตามชายหาด ช่วงหนึ่งของการสนทนา  อาจารย์ใช้ไม้เท้าขีดเส้นสองเส้นลงไปบนผืนทราย เป็นเส้นคู่ขนาน ยาว 5 ฟุต และ 3 ฟุต ตามลำดับ  อาจารย์กล่าวว่า "เธอลองทำให้เส้น 3 ฟุต ยาวกว่าเส้น 5 ฟุต ให้ดูหน่อยสิ"  ลูกศิษย์หยุดคิดครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจลบรอยเส้นที่ยาว 5 ฟุตนั้นให้สั้นลงจนเหลือเพียง 1 ฟุต จึงทำให้เส้น 3 ฟุตโดดเด่นขึ้นมา แล้วศิษย์ก็สบตาอาจารย์พลางขอความเห็นว่า "เช่นนี้ ใช้ได้หรือยังครับ?"

       อาจารย์เขกหัวศิษย์เบา ๆ แล้วบอกว่า "คนที่คิดจะยกตนเองให้สูงขึ้นโดยการทำร้ายคู่แข่งนั้น ไม่ใช่วิธีที่ดี ดังนั้นถ้าเลือกใช้วิธีนี้ชีวิตเธอก็มีแต่จะล้มเหลวไม่พัฒนา ทางที่ดีควรเลือกวิธีที่จะยกตัวเองขึ้น โดยไม่ไปลดคนอื่นลง"


       แล้วอาจารย์ก็ขีดเส้น 2 เส้นให้เท่าเดิม คือ 3 ฟุต และ 5 ฟุต แล้วอาจารย์ก็สาธิตให้ดูด้วยการขีดเส้น 3 ฟุตให้ยาวขึ้นเป็น 10 ฟุต แล้วกล่าวว่า "จงอย่าคิดว่าคู่แข่งของเธอคือศัตรู แต่ให้คิดว่าเป็นครูของเธอ ที่เธอจะต้องพัฒนาตนเองให้เทียบเท่าหรือดีกว่า เขาคือคนสำคัญที่จะทำให้เธอได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างาม หากไร้คู่แข่ง แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองมีศักยภาพในการทำงานขนาดไหน ไม่มีอัปลักษณ์ก็ไม่รู้จักสวยงาม นักสู้ที่ดีมักชื่นชมคู่ต่อสู้ที่เข้มแข้ง เพราะคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอจะทำให้ชัยชนะของเขาไม่ยั่งยืนยง"

       "ดังนั้นเมื่อได้พบกับคู่แข่งที่แกร่งและฉลาดล้ำ ก็ยิ่งทำให้เรารู้จักขยับตัวเองขึ้นไปให้สูงส่งยิ่งขึ้น  คนที่พยายามจะเลื่อนตัวเองขึ้นไป โดยการฆ่าน้อง ฟ้องนาย และขายเพื่อน ถึงแม้จะทำให้สำเร็จ แต่นั่นก็เป็นความสำเร็จที่ปราศจากเกียรติคุณ ไม่อาจเอ่ยอ้างได้อย่างเต็มภาคภูมิ การเลื่อนตัวเองขึ้นไปโดยวิธีที่ไม่ชอบธรรม กับการเลื่อนตัวเองขึ้นไปโดยปล่อยให้คนอื่นได้ก้าวไปตามวิถีทางของเขาอย่างเสรีนั้น ย่อมมีผลลัพธ์ที่ต่างกัน"

       "การเลื่อนตัวเองขึ้นพร้อมกับลดคนอื่นลง เธออาจจะชนะ แต่ก็มีศัตรูเป็นของแถม แต่การเลื่อนตัวเองขึ้นโดยไม่ลดคนอื่นลง เธออาจเป็นผู้ชนะ พร้อมกับมีเพื่อนแท้เพิ่มขึ้นมากมาย  และหนึ่งในนั้นอาจเป็นคู่แข่งหรืออดีตศัตรูของเธอเองด้วย  เป็นสังคมแห่งความสำเร็จบนพื้นฐานของมิตรภาพโดยแท้"


แนะนำโดย : คุณปัญจกิตติ์  ปวงมาลา Softbankthai
ที่มา : http://www.pattanakit.net

วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

รู้สึกแย่วันนั้น ทำฉันยิ้มในวันนี้

       เคยมั้ย ที่จะรู้สึกแย่กับคนๆหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่งอย่างมากมาย .. สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป เราก็ต้องกลับไปมองตรงจุดนั้นว่า ประเด็นที่เกิดความไม่พอใจในวันนั้นๆ มันคืออะไร?? ต้นเหตุของเรื่องเกิดจากสิ่งไหน? ใครเป็นสาเหตุ? ตัวเชื่อมคืออะไร? บทสรุปมันเป็นยังไง?  .. เคยมีอยู่ Case หนึ่งที่เกิดการทะเลาะกันอย่างรุนแรง ต่างคนต่างเนื่องด้วยเหตุผลเดียวกัน นั่นคือ “ความต้องการให้งานมันออกมาดีที่สุด” ฟังดูเหตุผลแล้ว ทุกคนเป็นผู้ใหญ่ซะจริงๆเลยนะคะ .. แต่รู้มั้ยว่านั่น มันคือข้ออ้าง ที่จะนำมาเถียงกัน อย่างเอาเป็นเอาตายนั่นเป็นเพียงแค่ อารมณ์อยาก “เอาชนะ” เพียงแค่นั้น .. ฟังดูแล้ว เหตุผลที่กล่าวมาดูเป็นเด็กอมมือไปเลยมั้ยคะ?


       เมื่อเกิดการโต้เถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายไปแล้ว 1 ครั้ง แน่นอนการนั่งคุยกันในครั้งต่อๆไป สิ่งที่จะเดินนำหน้าคนเราก่อนมาคุยกัน มันไม่ใช่เรื่องงาน ไม่ใช่เหตุผล แต่เป็นการตั้งท่าว่า วันนี้ “ฉันต้องชนะ!!” และต้องสามารถล้มคุณด้วยคำพูดที่เสียดแทงเต็มที่อย่าง ที่ List ไว้แล้วทั้งคืนที่ผ่านมา เอาละสิ .. จะทำอย่างไรเมื่อความบ้าคลั่งเริ่มเกิด??!!

       ไอหมอกมานั่งย้อนคิดถึงสถานการณ์ที่ตนเองอยู่ในภาวะนั้นๆ มองแล้วช่างน่าเวทนาซะจริงๆ .. แน่ล่ะ ใครๆก็คิดว่า เราได้รับอารมณ์ไหนมา ก็ต้องตอบกลับเป็นร้อยเป็นพันเท่าถึงจะสาแก่ใจ เห็นมั้ยล่ะ? เมื่อความอยากจะ “สาแก่ใจ” เข้ามาครอบงำ ความพังพินาศก็จะเริ่มบังเกิดขึ้น (เอ๊ะ เริ่มสำบัดสำนวนไปละ) เพราะทุกคนมัวแต่มานั่งคิดว่า ทำอย่างไรก็ได้ให้มันวอดวายเป็นจุณ !!!! แต่ลืมคิดไปโดยสนิทใจเลยว่า "ระเบิดทุกลูก ก่อนที่จะสร้างความเสียหายวงกว้างนั้น มันต้องระเบิดตัวเองก่อนเสมอ" .. แล้วสุดท้ายเหลืออะไร?? ไม่เหลือสักอย่าง แม้แต่ความเป็นตัวของตัวเราเอง

       ไอหมอกถือว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดี ที่วันหนึ่งมีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเค้าทะเลาะกับเราเค้าบอกว่า “เธอก็เป็นซะอย่างเงี้ยตลอด แล้วใครจะอยากมาคุยด้วย สักแต่จะเอาชนะ สักแต่จะเอาความสะใจ ลองมองไปรอบๆตัวเองบ้างสิ ว่าแต่ละคนเค้าเอือมแค่ไหน??” (เค้าพูดมาประมาณนี้ จำคำพูดเป๊ะๆไม่ได้ ลืมซะงั้นอ่ะค่ะ) วินาทีนั้นไอหมอกปริ๊ดมากค่ะ .. จากไอหมอกเย็นๆ มึงเจอพายุฝนฟ้าคะนองแน่!!!! แล้วจากนั้นสีขาว ก็ต้องกลายเป็นสีดำเมื่อเกิดพายุ ถูกต้องมั้ยคะ? ... ทุกอย่างจบลงโดยความสาแก่ใจของเราเอง และสายตาพิฆาต >> หลังจากนั้นไม่เกิน 12 ชั่วโมง เราก็เริ่มกลับมานั่งย้อนมองตัวเราเอง เราเป็นแบบนั้นจริงๆหรอ?? ทบทวนสิ่งที่ทำได้เป็นข้อๆ ผลคือไม่พลาด ตามนั้น 100% แค่อยากเอาชนะ ไม่สนว่าจะผิดหรือถูก .. วันนี้ไอหมอกแค่อยากจะบอกว่า ขอบคุณความหวังดีในวันนั้น ที่ทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนสิ่งต่างๆของเรา จาก Graphic Design คนหนึ่ง ที่เป็นคนเงียบๆ แต่พูดมาทีเสียดแทงไปถึงหัวใจ .. ขอบคุณนิว GD ที่ช่วยเตือนสติในวันนั้น เพราะนั่นเป็นการแสดงออกว่า คนที่พูดตรงๆ เป็นคนที่หวังดี ไม่ใช่ยิ้มยอมตามเรา แล้วเอาเราไปพูดลับหลังอย่างไม่จบสิ้น


       คนเราไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา หากไม่มีใครแทงก็ไม่รู้ว่าตัวเองเจ็บ หากไม่มีกระจกก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นช่างโง่เขลาเสียจริง .. อารมณ์ไม่ยอมใคร จะเป็นมากในเด็กๆ ที่ปล่อยให้ EGO ในตัวเอง เข้ามาทำปฏิกิริยากับอารมณ์และความอยากเอาชนะแบบไร้สาระ (พูดอย่างกับการทดลองทางวิทยาศาสตร์)  เพราะทุกคนเข้าใจว่าตัวเองเก่ง .. นั่นแหละคนโง่!! ไอหมอกก็ไม่ต่างกัน แต่ดูๆแล้ว เมื่อพูดถึง “เด็กๆ” ความหมายมักจะตรงตัว นั่นหมายถึง ผู้ที่ยังไม่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่มากพอ แต่ไม้อ่อน ยังไงก้อต้องยอมรับฟังไม้ใหญ่ นั่นคือสิ่งหนึ่งที่เด็กๆ เค้าจะสามารถกลับมามองตัวเองและปรับปรุงตัวเองได้ ในขณะเดียวกัน เมื่อเหตุการณ์บ้าบอแบบนี้เกิดในผู้ใหญ่ล่ะ?? คุณคิดว่ายังไงกันค่ะ?? บางทีไอหมอกก็คิดว่า ผู้ใหญ่จะน่าสงสารตรงที่เค้าค่อนข้างแข็ง ไม่มีใครสามารถเตือนเค้าได้ และสุดท้าย เค้าก้อต้องตายอย่างโดดเดี่ยว เหมือนพืชกินคน ที่คอยกินทุกอย่างรอบๆข้างทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่ง ผู้คนที่คอยรดน้ำพรวนดินให้พืชต้นนี้ก็ตาม .. จุดจบสุดท้ายก็ไม่ต่างกัน โดดเดี่ยว อ้างว้าง ล้มลง จนไม่เหลือใคร

       วันนี้หากใครได้รับคำพูดที่เจ็บไปถึงทรวง เมื่อคำพูดของเค้านั้น เป็นเรื่องจริง .. ให้ถือว่า เค้าเป็นคนที่หวังดี ช่วยเตือนเราให้กลับมาสู่ความจริงที่ต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ..  แต่ถ้าวันไหนที่เราได้รับคำพูดแย่ๆ ไม่จบไม่สิ้น ทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องจริง เราไม่ต้องไปสนใจเลยค่ะ เพราะแค่นี้เราก็รับรู้แล้วว่า ตัวปัญหามันไม่ใช่เรา .. คือเค้าคนนั้นที่คอยพ่นเรื่องราวร้ายๆ ให้กับผู้อื่นไปทั่ว ตัวปัญหาเค้าจะแสดงออกถึงปัญหาออกมาอย่างชัดเจนด้วยตัวของเขาเอง เราน่าจะยินดีด้วยซ้ำที่ชีวิตเรามีอิทธิพลกับเค้าขนาดนั้น (ชีวิตเหมือนดาราก็งี้แหละ :p) .. สุดท้ายแล้ว วันหนึ่งเราก็ต้องกลับไปมองและยิ้มให้เค้า ที่เค้าทำให้เราก้าวสู่จุดอื่นๆที่ดีขึ้นๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด จากประสบการณ์ ความรู้จากกระบวนการคิด การตัดสินใจแก้ไขปัญหาในสถานการณ์จริง ที่เราก็หาเรียนที่ไหนไม่ได้ ในขณะที่เค้า ยังคงวนเวียนอยู่กับความทุกข์ในใจของเค้าเองอยู่เสมอและตลอดไป ขอให้ทุกคนคิดอยู่เสมอว่า ทุกอย่างที่ก้าวเข้ามาในชีวิต ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งดีดีทั้งนั้น เพราะทุกอย่างมีค่ามากกว่าคำสอน .. เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ :)))

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

อุดมการณ์ หรือ ปากท้อง

       เมื่อคำถามนี้เข้ามาแน่นอนเป็นใครก็ต้องชะงัก!! อะไรล่ะที่สำคัญกับชีวิตของเราระหว่าง "อุดมการณ์ หรือ ปากท้อง" .. เอาแล้วสิคะ ไอหมอกจะไปต่อยังไงดี?? อุดมการณ์เป็นสิ่งที่ทุกคนพึงมี ว่าชีวิตของเรานี้จะให้เดินเข้าสู่ทางไหน เราวางเส้นทางและทิศทางการเดินของหมากรุกที่เรียกว่า "ชีวิต" ไว้อย่างไร? คนที่มีอุดมการณ์เป็นคนที่มีความคิดความอ่านขั้นเทพ ไอหมอกเชื่อแบบนั้น .. เพราะฉนั้น คนที่มีอุดมการณ์ในชีวิต ไม่มีทางปล่อยให้ชีวิตของตนเองต้องหลุดออกจากสิ่งที่คาดหวังไว้เป็นแน่

       ไอหมอกเห็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเยอะมาก ทุกคนล้วนมีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ และเดินตามอุดมการณ์อันแรงกล้าด้วยความมุ่งมั่นแทบทั้งสิ้น ดังนั้นเราจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมชีวิตเค้าเหล่านั้นช่างน่าอิจฉาเสียจริงๆ .. หากลองมานั่งมองดูแล้ว ทุกคนที่ยิ่งใหญ่และเติบโตได้ ล้วนแล้วแต่ย้ำคิด ย้ำทำ ตามอุดมการณ์ของตนเองที่ตั้งไว้ .. ไม่ใช่เดินตามอุดมการณ์ หรือความคาดหวังของใคร!!


       อาจมีนักธุรกิจหลายๆคนที่ชอบวาดฝันอุดมการณ์ของตนเองให้ผู้อื่นเดินตาม อันเนื่องจากว่าตนเองเห็นว่าดีที่สุด เหมาะสมที่สุดแล้ว โดยที่เค้าไม่เคยมองเลยว่าสิ่งเหล่านั้นเหมาะสมกับคนอื่นๆด้วยหรือไม่ .. และหลายๆคนรอบๆตัวเค้าผู้นั้น ก็อาจคล้อยตามอุดมการณ์ของเค้าไปโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากเห็นว่าอุดมการณ์นี้น่าจะเหมาะกับตัวเราเองเช่นกัน .. แต่!!! โปรดอย่าลืมนะคะว่า ทุกคนจะประสบความสำเร็จได้ มีความสุขได้ ด้วยอุดมการณ์ของตนเองแทบทั้งสิ้น อุดมการณ์ที่จะนำความสุข ความสำเร็จ และความพึงพอใจในชีวิตเราที่แท้จริงนั้น ต้องเป็นอุดมการณ์ที่เราวาดหวังขึ้นมา ด้วยเหตุผลจากความเป็นไปได้ในชีวิตเรานานาประการ ไม่ว่าจะมาจากบุคคลที่อยู่รอบๆตัวเรา สังคม แนวคิดที่ถูกปลูกฝัง ความเชื่อ การเรียนการสอน หรือแม้แต่ประสบการณ์การรับรู้ต่างๆที่เราได้มา ล้วนแล้วแต่ส่งผลสำคัญของการวาดฝันอนาคตของเราทั้งหมด

       หากวันนี้เราต้องการเป็นบุคคลที่จะมีความสุข จากการมีอุดมการณ์ของตนเองนั้น เราต้องรู้ว่าอุดมการณ์หลักๆของตัวเราเองคืออะไร? เพราะอะไร? และสุดท้ายที่สุดแล้วในชีวิตของเรา เราต้องการอะไร? สื่งเหล่านี้จะทำให้เรารู้ว่า ทางเดินที่เรากำลังเดินอยู่นั้น เป็นทางเดินที่ถูกต้องแล้วหรือยัง .. ง่ายๆถ้าเราอยากรู้ว่าเส้นทางที่เราเดินมานั้น เป็นอย่างไร? เรามีความสุขกับการเดินทางนี้หรือไม่? ลองหยุดมองย้อนกลับไปแล้วตอบคำถามกับตัวเองว่า .. นี่คือสิ่งที่ชีวิตเราต้องการแล้วหรือเปล่า?

       สำหรับไอหมอก ทางเดินที่ทำให้ไอหมอกได้เดินสู่อุดมการณ์ของตนเองอย่างแท้จริงนั้น สามารถบอกเพื่อนๆได้ง่ายๆ คำเดียวเลยว่า อุดมการณ์ของไอหมอกอยู่ที่ "ปากท้อง" นั่นหมายถึง ความอยู่ดีกินดีของปากท้องของไอหมอกและครอบครัว ความสุขจากการใช้ชีวิต ความพึงพอใจในสิ่งที่เราได้รับ ซึ่งไม่ได้รู้สึกว่าถูกเอารัดเอาเปรียบจากใคร หรือองค์กรใดอยู่ในขณะนั้น หากวันนี้สิ่งเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้นในความรู้สึกของเรา แสดงว่าเราเดินตามอุดมการณ์ของคนอื่นอยู่ ซึ่งนั่นเป็นทางเดินที่ ผิด!!!! ถึงเวลาแล้วที่ต้องก้าวเดินตามอุดมการณ์ของเราเอง ไอหมอกเชื่อว่า อุดมการณ์ที่เป็นไปได้ของตัวเราเอง เป็นตัวชี้วัดความสุขของเราทุกอย่างที่เกิดขึ้น การอยู่ดี กินดี มีเงินใช้ มีความสบายใจ ..  แต่ต้องไม่เดินตามความหวัง หรืออุดมการณ์ลมๆแล้งๆของใคร ที่ใช้เราเป็นตัวขับเคลื่อนอยู่อย่างบ้าคลั่ง!!

   

       อุดมการณ์ของไอหมอกไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากนัก มีเพียงแค่ความคาดหวังที่ว่า สุดท้ายแล้วเราจะสามารถตอบแทนบุญคุณของพ่อและแม่อย่างเต็มความสามารถ ให้คุ้มกับความเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านได้ทำไว้ให้กับลูกๆ .. ให้ท่านได้ใช้ชีวิตในบั้นปลายที่สุขสบาย ได้พักผ่อนอย่างที่ใจอยากจะทำ ^^

ข้อจำกัดของ "การรอ"

       สำหรับวลีที่ว่า "ช้าๆได้พร้าเล่มงาม" ของบรรพบุรุษเรานั้น หลายๆคนคงเคยได้ยินมามากมายอย่างนับไม่ถ้วน และหลายๆคนก็ตีความหมายไปได้หลากหลายประเด็นเช่นกัน วันนี้ไอหมอกก็เลยอยากจะแชร์ความหมายของวลีดังกล่าว ในความคิดของไอหมอกให้เพื่อนๆได้ลองอ่านกันค่ะ หากเพื่อนๆ มีความคิดเห็นต่างก็เอามาแชร์กันนะคะ ไอหมอกยินดีรับฟังเสมอ ^^

       สำหรับคำว่า "ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม" ถ้าเราแปลตรงตัวก็คืออะไรที่ไม่รีบร้อนหรือเร่งรีบเกินไป ผลที่เรารอย่อมหอมหวานเสมอ แต่ในปัจจุบันอะไรที่เราช้าเกินไป ก็จะเป็นการพลาดโอกาสที่ใช่ว่าจะผ่านเข้ามาในชีวิตกันได้ง่ายๆก็เป็นได้ เนื่องจากในปัจจุบัน วิถีการดำเนินชีวิตของคนเราเปลี่ยนไปแล้วมากมาย ทุกอย่างตั้งอยู่บนพื้นฐานความเร็ว ใครดีใครได้ ทุกอย่างคือความพยายามต่อสู้ เพื่อที่จะได้มา แน่นอนคนที่มาก่อน เร็วกว่า ย่อมได้สิ่งเลอค่าเหล่านั้นไป


       "ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม" ใช่ว่าจะไม่สามารถสอนเราได้ในปัจจุบัน แต่ไอหมอกเชื่อว่าความหมายของวลีนี้ที่บรรพบุรุษเราคิดไว้ ไม่ได้หมายถึงว่า ให้เราทำอะไรที่ช้าๆ หรือรออะไรที่ต้องใช้เวลาเสมอไป .. ความหมายของทุกสิ่งทุกอย่างที่บรรพบุรุษเราให้มา ไม่เคยมีความหมายในด้านเดียว ทุกอย่าง ทุกการกระทำ และทุกคำสอน มีความหมายมากมายแฝงอยู่ในตัวเสมอมา ประโยคนี้ก็เช่นเดียวกัน ความหมายของวลี "ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม"  นั้นหมายถึง ก่อนที่เราจะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้ว ให้เราตัดสินใจถึงหลักการและเหตุผลอย่างถี่ถ้วนทุกครั้ง เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นให้น้อยที่สุด และแน่นอนถ้าเราทำอะไรที่ช้าจนเกินไปแล้ว โอกาสที่ดีเหล่านั้นอาจลอยหายไปได้ในที่สุด ความเร็วต้องมาคู่กับความละเอียดรอบคอบในการตัดสินใจอยู่เสมอ นั่นคือสิ่งที่บรรพบุรุษเราท่านได้สอนไว้

       บางทีการรอคอย อาจเป็นเชือกที่ผูกมัดเราไว้ให้ย่ำอยู่กับที่ กับความฝันอันล้มๆแล้ง ที่อาจเกิดขึ้นเพราะตัวเราเอง หรือเพราะคนอื่นๆ ทุกคนควรมีข้อจำกัดในการรออย่างมีเป้าหมาย มีลิมิตอยู่เสมอ การรอคอยบางเรื่องเป็นเรื่องที่ดี แต่บางเรื่องการรอคอยนั่นแหละที่จะเป็นคนทำร้ายตัวเราเองซึ่งเจ็บปวดที่สุดก็เป็นได้

       วันนี้หากใครที่กำลังรอคอยหลายๆสิ่งอยู่นั้น ลองถามตัวเองดูหรือยังคะว่า ลิมิตของการรอคอยของเราตั้งไว้ประมานไหน กี่วัน กี่เดือน กี่ปี? และอะไรที่จะสามารถนำมาเป็นตัวชี้วัดได้ว่า การรอคอยของคุณนั้นควรจะสิ้นสุดหรือจบลงเมื่อไหร่? .. ผลของการรอคอยของทุกคนอาจไม่หอมหวาน หรือขมขื่นตลอดเวลา เนื่องจากเหตุผลของการรอคอยแต่ละคนแตกต่างกัน แต่อย่าให้การรอคอยของเรา เป็นส่วนทำร้ายเวลา ความคิด ความก้าวหน้าที่ควรจะเกิดขึ้น ต้องชะงักลงในที่สุด .. หากโอกาสที่ดีดีมาถึง อย่าปล่อยให้คำมั่นสัญญาที่เราให้ไว้กับตนเองว่า "จะรอคอย" มาเป็นตัวผลักให้โอกาสนั้นๆหลุดลอยไป ในห้วงอากาศ ที่ไม่ว่าจะอย่างไรเราก็ไม่สามารถเอื้อมคว้ากลับคืนมาได้อย่างแน่นอน .. วันนี้คุณลอง List มาหรือยังว่า ข้อจำกัดในการรอคอยของคุณคืออะไร? ไอหมอกขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่มีเป้าหมายค่ะ ^^