วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ถ้าคุณล้มเหลวสักครั้ง จะท้อไปใย

          เพราะในชีวิจของคนคนหนึ่ง จะมีกี่คนที่ไม่เคย "ล้มเหลว" แต่การล้มเหลวไม่ได้หมายถึง "ความพ่ายแพ้" หากแต่หมายถึงการต้อง "เริ่มต้นใหม่" 

          ผมนับถือชายผู้หนึ่งที่ล้มเหลวมาตลอดชีวิต แต่เมื่อเค้าทำสำเร็จเพียงครั้งเดียว คนทั้งโลกก็รู้จักเขา ชายคนนี้คือ "ผู้พันแซนเดอร์ส์" เจ้าของ KFC ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่มีขายทั่วโลก

   

          ผู้พันแซนเดอร์ส เป็นชายผู้ล้มเหลวมาตลอดชีวิต ฮาร์แลนด์ ดี แซนเดอร์ส เกิดที่เมืองคอร์บิน มลรัฐเครตั๊กกี้ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 1890 แต่เมื่อเค้าอายุเพียง 5 ขวบ บิดาก็เสียชีวิต ทำให้ครอบครัวอยู่ในสภาพยากจน เขาจึงต้องออกจากโรงเรียนเมื่ออายุ 16 และต้องหางานทำ

          ในวัย 17 ปี เขาสร้างสถิติโลกด้วยการตกงานปีเดียว 4 ครั้ง โชคดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เขาก็ได้แต่งงานในวัยเพียง 18 ซึ่งยังเด็กเกินไปที่จะมีครอบครัว และความรับผิดชอบ แถมอายุ 19 เขาก็กลายเป็นพ่อคนแต่เพียงปีเดียว เมื่อเขาอายุ 20 ภรรยาก็หอบลูกสาวหนีไปจากชีวิต เพราะทนใช้ชีวิตกับคนไม่เอาไหนแบบเขาต่อไปไม่ได้

          เขาจึงตัดสินใจสมัครเป็นหทาร แต่คนจะล้มเหลว อะไรก็ช่วยไม่ได้ เพราะไม่นานเขาก็ถูกขับออกจากกองทัพ จึงตัดสินใจเข้าโรงเรียนกฏหมาย แต่ก็ตามฟอร์ม เขาถูกปฏิเสธงานอย่างไม่ใยดี แซนเดอร์สจึงต้องไปทำงานเป็นพนักงานขายประกัน และก็ตามคาดหมาย เขาล้มเหลวกับงานนี้

          แซนเดอร์สเชื่อมั่นว่าเขาต้องมีดีแน่ๆ สักอย่าง และสิ่งที่เขาเชื่อว่าเขาทำได้ (ดี) ก็คือ การทำอาหาร เพราะต้องช่วยแม่เลี้ยงน้องเมื่อพ่อเสียชีวิต เขาจึงสมัครและได้รับโอกาสให้ทำงานเป็นพ่อครัวและคนล้างจานในร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่ชีวิตที่ทรงคุณค่าอะไรเลยในความคิดของเขา แต่การมีงานทำ ทำให้เขาคิดถึงการเป็นครอบครัว นั่นคืออยู่พร้อมหน้า 3 คนพ่อแม่ลูก เขาจึงติดต่อภรรยาและอ้อนวอนให้เธอกลับมาใช้ชวิตร่วมกันอีกครั้ง แต่ก็ได้รับคำปฏิเสธ ทำให้เขาตัดสินใจว่าจะขอคืนเพียงลูกสาว แต่ก็ถูกปฏิเสธ เพราะสถานะของเขาไม่ดีพอที่จะเลี้ยงลูกสาว

          แซนเดอร์สวางแผนลักพาตัวลูกสาวกลับคืนมาสู้อ้อมอกของตนทุกขั้นตอนละเอียดยิบ คำนวณทุกฝีก้าว และเมื่อถึงเวลา เขาก็ไม่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้นอกบ้านเล็กๆของภรรยา พร้อมจับจ้องเวลาที่ลูกสาวจะออกมาวิ่งเล่นหน้าบ้านเพื่อลักพาตัว แต่อนิจจาเวลานั้น ลูกสาวของเขากลับไม่ออกมาเล่นหน้าบ้าน แซนเดอร์สล้มเหลวแม้กระทั่งจะก่ออาชญากรรม แต่โชคดีที่สุดท้าย เขาสามารถโน้มน้าวภรรยาให้กลับมาอยู่ด้วยกันครบพ่อแม่ลูก

          การอยู่พร้อมหน้าทั้งครอบครัว ทำให้เขามากำลังใจและทำงานจนเกษียณตอนอายุ 65 สื่งที่เขาได้รับในวันแรกหลังเกษียณไม่มีงานทำ คือเช็คเงินประกันสังคมฉบับแรกในชีวิตของเขาเป็นเงิน 105 ดอลลาร์ ซึ่งแปลว่าเขามีเงินเหลือจากการทำงานเพียง 105 ดอลลาร์ และจากนี้ไปเขาจะมีชีวิตจากเงินสวัสดิการของรัฐบาล แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาล้มเหลว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่แซนเดอร์สหมดกำลังใจและท้อแท้ เขาจึงคิดว่า เมื่อไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ต้องมีชีวิตอยู่โดยให้รัฐบาลดูแล เขาก็ไม่ควรจะมีชีวิตอีกต่อไป แซนเดอร์สตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตคือ "ฆ่าตัวตาย"

          เมื่อตัดสินใจเด็ดขาด เขาจึงหยิบกระดาษขึ้นมาพร้อมกับดินสอ แล้วนั่งลงใต้ต้นไม้ในสวนหลังบ้านเพื่อเขียนคำสั่งเสียและพินัยกรรม แต่ในขณะนั้น เขากลับเขียนสิ่งที่เขาควรจะเป็น และสิ่งที่เขาควรจะมีชีวิต รวมไปถึงสิ่งที่เขาปรารถนาก่อนตาย และเขาก็พบความจริงที่น่าเศร้าว่า เขาไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาเลย แต่แซนเดอร์สก็ยกย่องตัวเองว่าเขาทำได้ในสิ่งที่หลายคนแพเขาแน่นอน นั่นคือเขารู้วิธีปรุงอาหาร

          แซนเดอร์สเปลี่ยนไปทันที ที่เขาเขียนกระดาษแผ่นนั้นจบ เขาคิดว่าขอเลือกที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อทำอะไรสักอย่างในชีวติให้ประสบความสำเร็จ ถ้าจะต่ยก็ขอตายโดยได้พยายามทำบางสิ่งบางอย่างที่มีคุณค่าด้วยชีวิต เขาจึงลุกขึ้นจากสนามหญ้า มุ่งหน้าไปยังธนาคารเพื่อขอยืมเงิน 87 ดอลลาร์จากเช็คประกันสังคมฉบับต่อไป พร้อมซื้อกล่องเปล่าและไก่จำนวนหนึ่ง เมื่อกลับถึงบ้าน เขาลงมือทอดไก่ที่ซื้อมาด้วยสูตรพิเศษที่เขาได้คิดค้นขึ้นเองในช่วงหลายปีที่ทำงานที่ร้านกาแฟ

          จะมีกี่คนที่รู้ว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของ "ไก่ทอดเคเอฟซี" จากสูตรของแซนเดอร์ส ที่เริ่มในวัย 65 แล้วนำไก่ที่ทอดออกขายตามบ้านต่างๆ ในเมืองคอร์บิน รัฐเคนตั๊กกี้ คนที่ล้มเหลวมาตลอดชีวิต และประสบความสำเร็จในวัย 65 ปีคนนี้ น่าจเป็นแรงบัญดาลใจให้ใครหลายคนที่เคยท้อแท้ ลองคิดใหม่ว่าตัวเองก็น่าจะมีดีอะไรสักอย่าง เหมือนแซนเดอร์ส ชายแก่ผู้สร้างชื่อให้รัฐเคนตั๊กกี้ จนผู้ว่าการรัฐแต่งตั้งให้เขาเป็น "ผู้พันแซนเดอร์ส" เพื่อเป็นเกียตริประวัติ และวันนี้ KFC ทั้งโลกกว่า 3 หมื่นร้านใน 100 ประเทศย่อมบอกชัดเจนว่า แม้จะล้มเหลวมาตลอดชีวิต แต่หากสามารถประสบความสำเร็จเพียงครั้งเดียวก็คุ้มค่า

ข้อมูลและภาพจาก ass2success.com

วิลเลียม ไฮเนคกี้ จากเสื่อผืนหมอนใบ สู่ธุรกิจพันล้าน

          ยอมแพ้หรือยัง?? ไอหมอกถามตัวเอง ใช่ คำตอบที่ได้คือไม่ยอมแพ้ แต่ไอหมอกรู้สึกหมดแรง ไม่ต้องการที่จะสู้กับปัญหาที่มันกำลังถาโถมอยู่ในขณะนี้ .. หรือนี่คือบททดสอบ?? และไอหมอกจะปลุกตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง จากบทความนี้


          วิลเลี่ยม ไฮเน็คกี ผู้ซึ่งเป็นตำนานเสื่อผืนหมอนใบฉบับฝรั่งตาน้ำข้าว จากหนุ่มน้อยวัย 17 ปีที่มุ่งมั่นมายังเมืองไทยทิ้งการเรียนไว้ข้างหลังและเริ่มธุรกิจรับทำความสะอาดจากไม้ถูพื้นและถังน้ำ จนเวลาผ่านไป 45 ปี ในวันนี้เขาคือผู้ครอบครองอาณาจักรธุรกิจโรงแรม ฟาสต์ฟู้ด มูลค่านับหมื่นล้านบาท อะไรทำให้คนหนึ่งสามารถประสบความสำเร็จมาได้ไกลขนาดนี้
เขาเริ่มต้นจากการเป็นลูกจ้างในขณะยังเรียนอยู่ให้กับหนังสือพิมพ์บางกอกเวิลด์ โดยเขียนนคอลัมน์เกี่ยวกับรถแข่งและขายโฆษณา จนต่อมาเมื่อเรียนจบก็เริ่มตั้งบริษัทด้วยเงินทุนที่กู้ยืมมาอีกทีหนึ่งโดยเปิดบริษัทรับจ้างทำความสะอาดในอาคาร และ บริษัททำสื่อโฆษณาวิทยุที่ต่อมาขายให้กับบริษัทโอกิลวี่ซึ่งเป็นอดีตเจ้านายของ ไฮเนคกี้

          จากจุดเริ่มต้นของธุรกิจเล็กๆนั้นได้นำพาเข้าให้ไปพบกับคนในตระกูลจิราธิวัฒน์ ซึ่งได้เข้ามาร่วมหุ้นในการเปิดร้านมิสเตอร์ แฟรงกลิน แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ทว่านับเป็นการบุกเบิกธุรกิจฟาสต์ฟู้ดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในเวลาต่อมา ร่วมกับกลุ่มจิราธิวัฒน์อีกครั้งหนึ่งเพื่อเปิดร้านมิสเตอร์ โดนัท แห่งแรกที่สยามเซ็นเตอร์ ถือเป็นความสำเร็จในการแนะนำให้คนไทยรู้จักร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ซึ่งต่อมากลายเป็นร้านยอดนิยมของวัยรุ่นในเวลาต่อๆ มา
          ไฮเนคกี้ เป็นคนที่มุ่งมั่นมากไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ขยันที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลาและด้วยความไม่กลัวปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น ทำให้เขาสามารถตะลุยปัญหาระหว่างทางที่เกิดขึ้นได้ตลอด ไฮเนคกี้เป็นคนไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่เป็นคนที่พร้อมจะเผชิญกับวิกฤตได้ตลอดเวลา และยังสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ นั่นทำให้หลายๆครั้งธุรกิจของเขาที่เผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ๆ สามารถผ่านพ้นมาได้และเติบโตอย่างมั่นคงมากขึ้น
          เมื่อครั้งมีปัญหากับแบรนด์พิซซ่าฮัทที่ถูกบริษัทแม่ไปบริหารเอง ทำให้เขาต้องออกมาตั้งแบรรนด์ใหม่ในนาม พิซซ่า คอมปานี ด้วยแบรนด์ใหม่ จะทำอย่างไรให้ลูกค้าสามารถจดจำแบรนด์ใหม่นี้ได้ แต่ด้วยทำเลร้านที่มีอยู่เดิมซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้เช่า ระบบฐานข้อมูลลูกค้า ทีมงานส่งพิซซ่า และ ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างหน้าพิซซ่าหน้าใหม่ๆให้มากกว่าคู่แข่ง เครื่องที่มากกว่า ทำให้ลูกค้าให้การต้อนรับแบรนด์พิซซ่าใหม่เป็นอย่างดี
          หรือครั้งวิกฤตสึนามิที่ทำให้โรงแรมอนันตราที่เขาหลัก จ.พังงาพังยับเยิน พนักงานและลูกค้าต้องเสียชีวิต  การจะกลับมาพลิกฟื้นก็นับว่ายากเย็นแสนเข็ญนัก แต่ไฮเน็คกี้เน้นย้ำกับทีมงานว่า ต้องเข้มแข็ง มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พร้อมเติบโตและฝันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน นั่นกลายเป็นจุดแข็งและสร้างแรงดีดที่สำคัญในการพลิกฟื้นโรงแรมที่พังราบไปแล้วให้กลับคืนขึ้นมาได้

          ภาวะความเป็นผู้นำในยามคับขันจึงเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมากทั้งการสร้างกิจการเติบโตอย่างยั่งยืนจากธุรกิจท้องถิ่นมาเป็นธุรกิจระดับนานาชาติ และแม้ในยามวิกฤตที่บริษัทต้องฟันผ่าและผ่านพ้นไปให้ได้
          สิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมากในการทำธุรกิจของไฮเน็คกี้ ความชอบ ไฮเน็คกี้เริ่มทำธุรกิจจากความชอบส่วนตัวเช่น การนำเอาไอศกรีมซเวนเซ่นเข้ามาในเมืองไทยครั้งแรก เพราะเขาชอบกินไอศกรีมมาก หรือแม้แต่พิซซ่า เพราะความชอบกินพิซซ่า ทำให้เขาดึงเอาแบรนด์พิซซ่าฮัทในเวลานั้นเข้ามาในเมืองไทย
          โดยเขาให้ความสำคัญมากที่ “จุดขาย”  ไม่ว่าธุรกิจนั้นจะเล็กหรือใหญ่ นั่นทำให้เขาศึกษาก่อนลงมือทำธุรกิจเป็นอย่างดี เพราะนั่นหมายถึงคุณภาพของสินค้าหรือบริการที่ส่งมอบให้ลูกค้าที่ต้องมีคุณภาพสม่ำเสมอ และตอบโจทย์ความต้องการ ถูกรสนิยมและความชอบของลูกค้าด้วย
ในการทำธุรกิจร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่มีการแข่งขันดุเดือดมาก ไฮเน็คกี้เองก็ให้ความสำคัญในการวางแผนการโฆษณา การประชาสัมพันธ์รวมทั้งการสร้างแคมเปญและโปรโมชั่นที่โดนใจวางแผนการตลาดที่สอดคล้องกับภาวะตลาดเวลานั้นๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมี Great Advertising นั้นถือว่าสำคัญมาก และรวมทั้งการสร้างแบรนด์ให้ได้รับการยอมรับมากขึ้น มีการรีแบรนด์ในร้านอาหารให้ตอบสนองกับลูกค้า

          ในการทำธุรกิจของไฮเน็คกี้นั้นเน้นไปที่การทำงานหนักแต่จะต้องสนุกกับงานนั้นด้วยซึ่งจะเป็นการสร้างแรงผลักดันให้ไปข้างหน้าได้พร้อมกับต้องมีเป้าหมายที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่วางไว้ ควรทำธุรกิจโดยการวางเป้าหมายเริ่มเรื่องเล็ก ๆ ก่อนเพื่อให้ธุรกิจอยู่บนฐานที่มั่นคง ถ้าสำเร็จก็ค่อยๆขยายเป้าหมายให้ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ ทีละ ขั้นทีละตอน ในการตั้งเป้าหมายควรจะเป็นเป้าหมายที่เป็นฐานรองรับกับวิสัยทัศน์ เพระถ้ามีวิสัยทัศน์โดยปราศจากเป้าหมายรองรับก็จะเป็นวิสัยทัศน์ที่ว่างเปล่า
          แต่การทำธุรกิจบางครั้งคุณก็ต้องเชื่อในสัญชาตญาณของคุณเองเพราะสัญชาตญาณเป็นความเข้าใจโดยการใช้ความรู้สึกในทันทีทันใดโดยปราศจากเหตุผลหรือเป็นความเข้าใจในภาพแรกที่เห็น ในบางครั้ง ผู้ประกอบการอาจตัดสินใจบนพื้นฐานของการเชื่อในความรู้สึกนั้นแล้ว ประสบความสำเร็จกว่าการตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานของเหตุผล หรือวิชาการ เพราะฉะนั้น จงเชื่อในสัญชาตญาณของตนเอง
          เหล่านี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตอันยิ่งใหญ่ที่เริ่มจากเพียงไม้ถูพื้นและถังน้ำกับการรับจ้างทำความสะอาด ใครจะคาดคิดได้ว่าจากจุดเริ่มต้นตรงนั้นทำให้เขาครองครองอาณาจักรธุรกิจที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ ความไม่ยอมแพ้ ความมุ่งมั่น การเรียนรู้ตลอดเวลาและเชื่อในสัญชาตญาณของตนเองทำให้ไฮเน็คกี้ก้าวขึ้นมาเป็นนักธุรกิจแถวหน้าของเมืองไทยได้อย่างผ่าเผย

ภาพและบทความจาก scbsme.com