วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เปลี่ยนมุมมองธุรกิจ สไตล์ Gen Y


       สวัสดีเพื่อนๆชาวไอหมอกอีกครั้งค่ะ วันนี้ไอหมอกขอนำเอาข้อคิดดีดีเกี่ยวกับมุมมองของการทำธุรกิจจากหนังสือ "Flip" ของ Peter Sheahan ผู้ก่อตั้งและเป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัท ChangeLabs มาฝากเพื่อนๆกัน เพื่อเป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆทางด้านธุรกิจ และไอหมอกเชื่อว่าบทความนี้จะสามารถทำให้หลายๆท่านต่อยอดธุรกิจได้อย่างดีเลยทีเดียวค่ะ ^^


       “Trust in the LORD with all your heart. Never rely on what you think you know. Remember the LORD in everything you do, and he will show you the right way. Never let yourself think that you are wiser than you are; simply obey the LORD and refuse to do wrong.”                                                                                 Proverbs 3:5-7

       การทำธุรกิจในปัจจุบันต้องมีมุมมองใหม่ของยุทธศาสตร์ การดำเนินการ ลูกค้า และบุคลากร “Business today requires new perspectives on strategy, operations, customers and staff.” เป็นประโยคเปิดนำในหนังสือชื่อ Flip เขียนโดย Peter Sheahan ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัท ChangeLabs บริษัทที่ปรึกษาระดับนานาชาติที่มีลูกค้าเป็นบริษัทชั้นนำเช่น Google, Goldman Sachs, Sony, Hilton Hotels, Harley Davidson, GlaxoSmithKline, Cisco และ Pizza Hut เป็นต้น

       ความคิดของ Peter Sheahan น่าสนใจเพราะเป็นคนหนุ่มที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในการคิด การพูด และการเขียนจนได้รับการยกย่องว่าเป็น “A next generation thinker.” นักคิดของคนยุคต่อไป เขาเป็นนักพูดในเวทีสัมมนาทั่วโลก และมีงานเขียนที่โด่งดังคือหนังสือชื่อ “Generation Y”, “Making It Happen” และ “Flip”

       ในหนังสือชื่อ Flip ของเขา Peter Sheahan ให้ความเห็นว่าโลกในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนเราไม่สามารถจะหยุดนิ่งอยู่กับความคิดและความเคยชินเก่าๆอีกต่อไปได้แล้ว เราจำเป็นต้องเปลี่ยนความคิดของเราในการทำธุรกิจให้ทันต่อเหตุการณ์และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และสิ่งที่บีบบังคับให้เราต้องเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลามาจาก 4 แรงขับดันคือ

       1.   Increasing compression of time and space
              เพราะมนุษย์มีความอดทนต่ำและนับวันจะมีความอดทนต่ำลงเรื่อยๆ จนแทบจะไม่สามารถจะหยุดรอคอยอะไรได้อีก ยิ่งในยุคการสื่อสารไร้พรมแดนปัจจุบัน เทคโนโลยีทำให้เกิดความรวดเร็วได้ในบัดดล เรายิ่งมีความคาดหวังให้เกิดความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ความกดดันเรื่องเวลาจึงเป็นปัจจัยชี้วัดความสำเร็จตัวหนึ่งในสนามแข่งขันธุรกิจ ในอดีตเราอาจจะคิดว่าการทำมากขึ้นด้วยเวลาที่น้อยลง (Doing more with less) คือความมีประสิทธิภาพแล้ว แต่ปัจจุบันความคิดแค่นี้คงไม่เพียงพอแล้ว ต้องเพิ่มความรวดเร็วเข้าไปเป็น “doing more with less, faster” เพราะการทำธุรกิจในปัจจุบันไม่มีเส้นแบ่งพรมแดนประเทศทางภูมิศาสตร์อย่างในอดีตอีกแล้ว การค้าเสรี การเงินเสรี การตลาดเสรี ทำให้การเคลื่อนย้ายคน สินค้า และเงินลงทุนเสรีมากขึ้นตามไปด้วย ระยะทางไกลกลายเป็นใกล้เพราะการสื่อสารของโลกรวดเร็ว ย่นระยะเวลาการติดต่อ ทำให้โลกในการติดต่อธุรกิจเล็กลง (The world is getting smaller) แต่ในเวลาเดียวกันการที่เราสามารถติดต่อสื่อสารกับคนทั่วโลกได้จำนวนมากขึ้นโดยใช้เวลาเพียงชั่วอึดใจเดียวทำให้โลกในการทำธุรกิจของเราใหญ่ขึ้น (The world is getting bigger) ความกดดันนี้ทำให้เราต้องเปลี่ยนความคิดในการทำธุรกิจใหม่ เพื่อสามารถตอบรับกับความคาดหวังของคนที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

       2.  Increasing complexity
              เพราะโลกธุรกิจที่เล็กลงและโตขึ้นในเวลาเดียวกันทำให้เรามีความซับซ้อนและยุ่งยากมากขึ้นในการทำธุรกิจ เครือข่ายการติดต่อที่โยงใยกันทั้งโลก ทำให้มีทั้งผู้ขายและผู้ซื้อใหม่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา มีสินค้าใหม่เข้ามาแข่งกับสินค้าเก่า มีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาแทนที่เทคโนโลยีเดิม มีความคิดใหม่ ทางเลือกใหม่ กระแสใหม่เกิดขึ้นและลุกลามแพร่หลายอย่างรวดเร็ว ทำให้กระบวนการในการบริหารจัดการความยุ่งยากซับซ้อนที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องเป็นสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ความคิดในการทำธุรกิจแบบปกติเหมือนอย่างเคยทำ(Doing business as usual) ไม่สามารถทำได้อีกต่อไปแล้ว

       3.  Increasing transparency and accountability
              เพราะทุกวันนี้เราแทบจะไม่มีที่สำหรับความลับส่วนตัวกันแล้ว แมลงวันหนึ่งตัวตกในชามบะหมี่มีคนรู้ได้เป็นร้อยเป็นพันคนทันทีที่ถูก Post จากมือถือเข้า line เข้า Facebook เทคโนโลยีทางการสื่อสาร ทำให้เกิดสังคม online ที่สามารถแพร่หลายกระจายข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ความโปร่งใส และความเชื่อถือได้จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจ เพราะสังคมได้สร้างมาตรฐานใหม่ในการตัดสินใจยอมรับสินค้าหรือบริการ จากความไว้วางใจ (Trust) ในตัวผู้ผลิต หรือผู้ให้บริการ ความรับผิดชอบต่อคุณภาพของสินค้าและบริการ ความซื่อสัตย์ยุติธรรมในเรื่องราคา สิทธิการรับรู้ของผู้บริโภค ความรับผิดชอบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโลก เสรีภาพและ สิทธิมนุษยชน รวมไปถึงเรื่องคุณธรรม จริยธรรม และ จรรยาบรรณ เป็นเรื่องที่สังคมคาดหวังและเอามารวมกับการทำธุรกิจ สินค้าที่แอบเอาเนื้อม้า มาผสมกับเนื้อวัว แล้วหลอกขายเป็นเนื้อวัว สังคมและผู้บริโภคไม่ยอมรับและกดดันให้เก็บออกไปจากตลาดทันที เป็นตัวอย่างล่าสุดที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงน้ำหนักความกดดันเรื่องความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการทำธุรกิจ

       4.    Increasing expectations on the part of everyone for everything
              เพราะความคาดหวังของคนในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเพิ่มความคาดหวังมากขึ้นเรื่อยๆตามกระแสบริโภคนิยม เมื่อความคาดหวังที่ระดับหนึ่งบรรลุความคาดหวังแล้ว จะเกิดความคาดหวังระดับสูงมากขึ้นอันใหม่เข้ามาแทนที่ สิ่งที่เคยเป็นเพียงความปรารถนา (Desire) เมื่อได้รับสิ่งนั้นสมความปรารถนา (Satisfied) สิ่งนั้นจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นต้องมี (Necessity) ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ความคาดหวังของคนในกระแสโลกาภิวัฒน์ได้แพร่ระบาดไปในคนทุกระดับชั้นในสังคม ยุทธศาสตร์การทำธุรกิจที่เคยประสบความสำเร็จแบบ ถูก เร็ว ดี ในวันนี้ต้องเพิ่มคุณค่า (Extra value) เข้าไปถึงจะสามารถแข่งขันได้ ความคาดหวังจึงเป็นอีกหนึ่งความกดดันที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลงการทำธุรกิจอยู่ตลอดเวลา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น