วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

ภาวะผู้นำแบบติดดิน 4


       จากที่เมื่อวาน เราได้พูดถึงหลักในการเป็นภาวะผู้นำแบบติดดินข้อแรก ได้แก่  "อย่าสักแต่ออกคำสั่ง ให้มองถึงวัตถุประสงค์ด้วย" จาก ผู้บังคับการเรือ D.Michael Abrashoff ไปเรียบร้อยแล้ว ณ ตอนนี้ไอหมอกก็นำหลักข้อที่ 2 มาแบ่งปันให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันต่อกับหัวข้อ "ผู้นำฟังโดยไม่มีอคติ" หวังว่าทุกท่านคงได้ความรู้เพิ่มเติม ไม่มากก็น้อยนะคะ ^^


**ผู้นำฟังโดยไม่มีอคติ**

       คนทั่วไปอยู่ในลักษณะของ “ผู้ส่งต่อ” หมายความว่าเขาไม่ค่อย “รับรู้” มากนัก น่าอัศจรรย์มากเมื่อคุณเริ่มฟังพวกเขา เมื่อผมเริ่มงานเป็นผู้บัญชาการเรือ Benfold ผมมีปัญหาเรื่องหารจำชื่อลูกเรือ ผมตัดสินใจคุยกัลป์ลูกเรือ 5 คนทุกๆวันร่วมกับต้นเรือ Bob Scheeler ซึ่งเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งในเรือ Benfold และผมจะถามคำถามง่ายๆ 3 ข้อคือ คุณชอบอะไรมากที่สุด? คุณไม่ชอบอะไรมากที่สุด? คุณอยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง? ลูกเรือส่วนมากไม่เคยเข้ามาในห้องของกัปตันมาก่อน แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าผมจริงใจ พวกเขาก็เริ่มให้ข้อเสนอแนะที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเรือ และยังทำให้เรามีความพร้อมเพรียงต่อยุทธนาวีมากขึ้นด้วย

       จากการคุยกับลูกเรือนี้เอง ผมสร้างรายการรวบรวมงานที่เราทำกันบนเรือ และแบ่งมันเป็นงานที่ไม่สร้างประโยชน์กับงานที่สำคัญต่อพันธกิจ ผมจัดการกับสิ่งที่ทำลายขวัญและกำลังใจที่สุดก่อน เช่น การขัดสนิมและการทาสี อันที่จริงเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับกลาสีทุกคน ทุกๆ 2-3 เดือนลูกเรือหนุ่มสาวของผมจะใช้เวลาทั้งวันทุกๆวันขัดสนิม และทาสีเรือใหม่ นี่เป็นงานที่สิ้นเปลืองเวลามาก และพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ผมอยากจะเข้าถึงให้มากที่สุด เมื่อเราศึกษาดูอย่างละเอียดก็พบว่า ชิ้นส่วนมากมายบนดาดฟ้าเรือทำมาจากเหล็กธรรมดา ซึ่งแน่นอนว่ามันก็จะขึ้นสนิม ผมจึงเปลี่ยนมันเป็นแสตนเลส นอกจากนี้ผมยังพบว่ามีบริษัทที่รับอบสีและพ่นสีส่วนต่างๆ ซึ่งช่วยให้มันไม่ค่อยเป็นสนิมได้ เขาคิดราคาผมแค่ $25,000 และมันจะใช้ได้ต่อไปอีกถึง 30 ปี ลูกเรือผมไม่ต้องจับแปลงทาสีอีกเลยหลังจากนั้น เขามีเวลาเตรียมงานของเขามากขึ้น และผลที่ได้ก็คือ คะแนนความพร้อมรบของเราสูงขึ้นอย่างเหลือเชื่อ


       ผมทำมากกว่าแค่จำชื่อลูกเรือ ผมรู้ว่าพวกเขามากจากไหน ผมรู้เรื่องครอบครัวของพวกเขาบ้าง ผมรู้ว่าเขาอยากได้อะไรในชีวิต หลายคนบอกกับผมว่าอยากเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย แต่พวกเขาไม่มีโอกาสได้ไปสอบ SAT ผมจึงให้เขาลงชื่อว่าใครอยากสอบบ้าง ลูกเรือ 45 คนแจ้งความประสงค์ ผมจึงประสานงานให้ผู้คุมสอบมาจัดการสอบบนเรือให้กับลูกเรือของผม มันเป็นเรื่องไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย แต่ได้ขวัญและกำลังใจอย่างมหาศาล

       จากข้อนี้ ทุกท่านคงจะเห็นด้วยกับไอหมอกอยู่ประเด็นหนึ่งที่ว่า "หากครั้งใดที่ผู้นำฟังโดยมีกำแพงกั้น ครั้งนั้นคุณก็จะไม่ได้รับฟังเรื่องที่เป็นความจริง" หากเราฟังแบบมีอคติ อย่างไรเสีย คุณก็ต้องการได้ยินเฉพาะสิ่งที่ตนเองคิดว่าถูก สิ่งที่ตนเองคิดว่ามันควรเป็นอย่างนั้น ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ความจริงเอาซะเลย วันนี้ท่านผู้นำทุกท่าน เข้าถึงหัวจิตหัวใจของลูกน้องคนสนิทของท่านแล้วหรือยังคะ? :))

ขอบคุณความรู้และแนวคิดที่ดีจาก .. PacRim Group และเครือธนาคารทหารไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น