วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

ภาวะผู้นำแบบติดดิน 1

       วันนี้ไอหมอกได้ไปอ่านเจอบทความอยู่บทความหนึ่ง เกี่ยวกับเทคนิคในการบริหารงาน และการวางรากฐานแนวคิดของบุคคลผู้หนึ่ง ซึ่งขึ้นเชื่อว่ามีความสามารถในการครองใจลูกน้องได้อย่างดีเยี่ยม อย่าง กัปตัน D.Michael Abrashoff   ซึ่งถ้าพูดถึง ผู้บัญชาการทหารเรือ หลายๆท่านคงนึกเป็นแนวทางเดียวกันว่า ต้องเป็นนายทหารเรือที่เข้มงวดเอาเรื่อง แต่ความจริงแล้วเป็นบุคคลคนที่จะทำให้หลายๆท่าน ทึ่งกับความเป็นกันเอง และใบหน้าที่ยิ้มแย้มไปด้วยความสุขของเขานั้นเอง

       จากเนื้อหาดังกล่าว เป็นบทความที่ค่อนข้างยาว ไอหมอกจะแบ่งเป็นตอนๆ ให้เพื่อนๆได้ติดตามกันนะคะ ขออกตัวก่อนเลยว่า ทุกประโยคที่นำมาแบ่งปัน ไม่ได้ผ่านการดัดแปลงเนื้อหา หรือประโยคใดๆทั้งสิ้นค่ะ เมื่อจนบทความดีดีก็อยากแบ่งปัน ไปดูกันค่ะว่า "ภาวะผู้นำแบบติดดิน" คืออะไร ยังไง และสามารถนำมาปรับใช้ได้ยังไงกับเรื่องธุรกิจ เรามาเริ่มที่ตอนแรกกันกับ แนวคิดประการแรกของการเปลี่ยนแปลงจาก กัปตัน D.Michael Abrashoff  กันเลยค่ะ


       คุณจะต้องทึ่งกับภาพที่คุณเห็นบนดาดฟ้าของเรือหลวง Benfold มูลค่าหนึ่งพันล้านเหรียญลำนี้ ซึ่งเป็นเรือที่ทันสมัย และมีอานุภาพในการประจัญบานสูงสุด มันหนักถึง 8,300 ตัน และมีระบบการยิงที่ควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ มีระบบเรดาห์และจรวดนำวิ๔ที่มันสมัยที่สุด และมีลูกเรือประมาณ 300 คน ในปี 1997 หลังจากที่เข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐประมาณได้ปีกว่าๆ มันเป็นเรือที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในสงครามอิรัก เมื่อมันเดินหน้าเต็มฝีจักร เรือจะสร้างคลื่นสูงเทียบเท่ากับตึก 3 ชั้นเลยทีเดียว

       สิ่งที่คุณคงไม่คิดว่าจะเจอบนเรือลำนี้คือ ภาวะผู้นำที่ทันสมัยพอๆ กับที่คุณจะพบได้ในโลกธุรกิจ มันคือภาวะการนำภายใต้กัปตัน D.Michael Abrashoff   ผู้ซึ่งเคยได้รับเหรียญกล้าหาญมากมาย และเคยได้รับตำแหน่งสูงใน Washington DC. เขาทำเรือหลวง Benfold เป็นเรือที่ยอดเยี่ยมที่สุดในกองทัพเรือ คุณคงจะคิดว่า Abrashoff เป็นนายทหารเรือที่เข้มงวดเอาเรื่อง แต่ความจริงแล้วคุณจะพบแต่รอยยิ้มเรียบง่ายบนใบหน้าของเขา

       เบื้องหลังความเป็นกันเองคือ ลักษณะการนำในรูปแบบของเขาเอง ภายในห้องรับรอง Abrashoff ในวัย 38 พักเท้าวางพาดกับโต๊ะ จิบโซดาและบอกว่า “ผมแบ่งคนเป็น 21 พวกใหญ่ๆ คือ พวกที่เลื่อมใสและพวกที่ต่อต้าน พวกต่อต้านที่มีอยู่เป็นจำนวนมากไม่เข้าใจหรอกว่า นวัตกรรมใหม่ๆ บวกกับการปลดปล่อยศักยภาพในตัวคนรวมกันแล้ว ได้ผลงานที่น่าอัศจรรย์ใจ”

       Abrashoff ไม่สนใจว่าพวกที่ต่อต้านมีทั้งคนที่ยศสูงกว่าและเพื่อนร่วมงานของเขา “ผมโชคดี ผมแค่อยากเป็นกัปตันเรือ ผมไม่สนใจว่าผมจะได้รับการเลื่อนขั้นอีกหรือไม่ ความคิดแบบนี้ช่วยให้ผมทำสิ่งที่ดีดีให้กับคนของผม แทนที่จะทำสิ่งต่างๆ เพื่อความก้าวหน้าของผม การทำแบบนี้ทำให้ผมมีโอกาสสร้างเรือที่ดีที่สุดในกองทัพเรือ และได้รับการประเมินผลงานดีที่สึดเท่าที่เคยได้รับมา ผมคงจะถูกเลื่อนขั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ” 20 เดือนหลังการรับตำแหน่งผู้บัญชาการเรือหลวง Benfold ในที่สุด Abrashoff ก็ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่บัญชาการที่ศูนย์ควบคุมยุทธการอวกาศและยุทธนาวี

       Abrashoff คิดอยู่ตลอดเวลาว่าพันธกิจของเขาคือการเปลี่ยนแปลงระบบอาวุโสที่มีมากกว่า 200 ปี เป้าหมายของเขาคือมุ่งเน้นที่วัตถุประสงค์ ไม่ใช่มุ่งเน้นว่าใครมียศสูงกว่าใคร เมื่อคุณเปลี่ยนหลักการทำงานจากการเชื่อฟังมาเป็นการสร้างผลงาน เจ้านายก็เปลี่ยนจากผู้ที่มีแถบมากที่สุดบนบ่ามาเป็นกะลาสีเรือที่เป็นผู้ทำงานจริงๆ ไม่ได้มีอะไรที่พิสดารตรงนี้ ในองค์กรทั่วๆไป ความคิดดีดีมาจากบรรดาเจ้านาย แต่เขาเชื่อว่าคนทำงานในเรือของเขาเป็นผู้ที่ฉลาด ดังนั้นเขาจึงควรรับฟังคนเหล่านี้อย่างจริงใจ และเก็บความคิดดีดีทุกอย่างเกี่ยวกับการาทำงานให้ดีขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดฐานะกัปตันเรือก็คือ การมองดูเรือของเขาผ่านสายตอของลูกเรือของเขาเอง

       มุมมองดังกล่าวนี้ช่วยให้ Abrashoff มองเห็นจุดสำคัญ 2 ประการเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง ข้อแรก มีวิธีการที่จะทำงานให้ดีขึ้นเสมอ ภายใน 2-3 เดือนแรก Abrashoff พิจารณากระบวนการทำงานในเรือและประเมินว่ามันช่วยให้เรือของเขามีความพร้อมมากขึ้นอย่างไร เขาจะถามลูกเรือที่ทำงานกับกระบวนการทำงานต่างๆ เสมอว่ามีวิธีทีจะทำให้ดีขึ้นได้หรือไม่ และโดยทั่วๆไปแล้วมันก็มีจริงๆ

ขอบคุณความรู้และแนวคิดที่ดีจาก .. PacRim Group และเครือธนาคารทหารไทย

2 ความคิดเห็น:

  1. เป็นบทความที่เยี่ยมมากคะ ให้ข้อคิดดีๆเยอะ แนะนำให้อ่่านค่ะ :)

    ตอบลบ